วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

[AI613-Weekly Journal] Week 14: Web 2.0

Week 14: February 15, 2011


Web 2.0

      เว็บ คือ เว็บเพจที่มีการเชื่อมโยงกันทั่วโลก ด้วยเครือข่ายอินเตอร์เน็ท
      web 2.0 คือ เว็บที่ไม่ใช่แค่เพียงให้คนเข้ามาอ่านข้อมูลเฉยๆ แต่ปัจจุบัน นอกจากกจะอ่านข้อมูลแล้ว ยังสามารถติดต่อสื่อสาร และทำอย่างอื่นได้อีก เช่น E-Commerce เป็นต้น

Web 2.0 vs. Traditional Web

     - การร่วมมือของผู้ใช้อินเตอร์เน็ทมีมากขึ้น เช่น wiki สารานุกรมออนไลน์ที่เกิดจากการกลุ่มคนร่วมกันเขียนเนื้อหาสารานุกรม, Apple เป็นการขาย Content ต่างๆ เช่น เพลง แอพพิแคชั่น แตกต่างจากแต่ก่อนที่ขายเป็นแผ่นซีดี
     - ช่วนพัฒนาการดำเนินงานภายในของบริษัท และการตลาด เช่น Facebook, Foursquare
     - สร้างความสามารถในการร่วมมือกับ Supplier ลูกค้า และ partner

Web 2.0 Characteristics

     •Ability to tap into user intelligence.
     •Data available in new or never-intended ways. 

       ข้อมูลสามารถนำไปใช้ในวิธีการใหม่ๆ เช่น โพสตัวเองบน youtube อาจจะดังข้ามคืนได้
     •Rich interactive, user-friendly interface. 

       หน้าจอ ระบบคำสั่ง ใช้งานได้ง่าย
     •Minimal programming knowledge required.
     •Perpetual beta or work-in-progress state making prototype opportunities rapid.
     •Major emphasis on social networks.
     •Global spreading of innovative Web sites.


Web 2.0 Companies

     - digg.com เป็น bookmark website คือ สามารถไป bookmark เว็บอื่น ขึ้นบนเว็บนี้ได้ แล้วคนก็มาคอมเม้นท์ได้
     - youtube
     - google
     - Yahoo
     - Etc.

Issues For Social Network Services

     •Lack of privacy controls
      ขาดความเป็นส่วนตัว
      •Inappropriate language translations among countries

      แปลภาษายังไม่เหมาะสม ถุกต้อง แปลมั่วอยู่
      •Fierce competition for users

      •Prey to illegal activities
      อาจมีการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง
      •Cultural objections may become volatile
      กระแสวัฒนธรรมต่างประเทศไหลเข้ามา ไม่มีการกลั่นกรองเรื่องของความเหมาะสม

Enterprise Social Networks Characteristics     

      •Gated-access approach is common   
      •Common interests
      •Source of information & assistance for business purposes

          
Enterprise Social Network Interfaces

      •Utilize existing social networks ข้อดีคือ ฟรี
      •Create in-house network & then use as employee communication tool & form of knowledge management

      เอามาใช้เพื่อให้คนภายในองค์กรได้รู้จักกัน และใช้ในการจัดการ KM ได้
      •Conduct business activities
      •Create services
      •Create and/or participate in social marketplace


Retailers Benefit from Online Communities

    •Source of feedback similar to focus group
      ทำให้รู้ผลตอบรับของสินค้า จากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ
    •Viral marketing 

      เช่น  Burkerking สร้างกระแสโดยการเผยแพร่คลิปวีดีโอเขวี้ยงบีบลงพื้นในห้องเรียน
    •Increased web site traffic
      เพิ่มจำนวนคนที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์

    •Increased sales resulting in profit
      ช่วยในการเพิ่มยอดขาย

Robotics

    •Engaged in sports, war, medicine, business, entertainment, leisure & home care. เอามาใช้ในการทหาร ยา (เช่นหุ่นยนต์แยกยา) ธุรกิจ การบันเทิง
    •Nanobots will be highly intelligent & make smart decisions in many areas of applications.
    •Increasingly substitute for humans. 

      ลดการใช้มนุษย์ในการทำงาน เอามาทดแทนมนุษย์

Telemedicine & Telehealth

     เป็นการนำ IT มาใช้ในเรื่องของสุขภาพ การรักษา ช่วยในการบริหารจัดการข้อมูลคนไข้ ให้บริการประชาสัมพันธ์ข้อมูลเรื่องของสุขภาพ ช่วยประหยัดต้นทุน ประหยัดเวลาในการทำงาน

Urban Planning with Wireless Sensor Networks

     มีการนำ IT มาใช้ในการวางผังเมือง หมู่บ้าน เช่น ติด wireless ในทุกบ้านในหมู่บ้าน ที่จอดรถในห้าง แสดงจำนวนที่จอดรถที่เหลืออยู่ ชั้นใดหมดแล้วบ้าง เป็นต้น
     - IT ให้ผลดีต่อการขนส่ง สภาพแวดล้อม การประหยัดต้นทุน

Offshore Outsourcing

    การส่งออกเทคโนโลยี เช่น Call Center อินเดียส่งออกให้อเมริกา โดยเมื่อลูกค้าโทรเข้ามา จะได้คุยกับคนอินเดีย แต่ต้องระวังเรื่องข้อมูลถูกขโมย และจริยธรรมด้วย

Enterprise 2.0 & What It Can Do For You

    •Began as a way to collaborate using blogs, or comment forums, within companies, or between, & with partners or customers. 
      องค์กรใช้เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
    •Builds business intelligence. KM becomes more decentralized.
    •Provides users with critical customer information instantly.
    •Real-time, secure access to business performance information on mobile devices.


Green Computing
    จุดประสงค์เพื่อการประหยัดการใช้ทรัพยากรให้น้อยลง เช่น การทำงานผ่าน Vitual world

Information Overload

     ข้อมูลมีมากเกินไป อาจทำให้เกิดความสับสนได้
    •Huge amounts of data can be collected almost instantly.
    •Possible to penetrate virtually every barrier.
    •Intelligent software to process data.
    •Exponential increase in speed.
    •Huge amounts of data can be collected almost instantly.
    •Possible to penetrate virtually every barrier.
    •Intelligent software to process data.
    •Exponential increase in speed.


Spam

    •Indiscriminately broadcasting unsolicited messages via e-mail & over Internet.
    •Cost U.S. businesses $42 billion in 2008; $140 billion worldwide in 2008 .
    •Lowers productivity by employees who have to deal with these unwanted messages.
    •Anti-green as it wastes computing power.
    •Profitable to originators.
    •Indiscriminately broadcasting unsolicited messages via e-mail & over Internet.
    •Cost U.S. businesses $42 billion in 2008; $140 billion worldwide in 2008 .
    •Lowers productivity by employees who have to deal with these unwanted messages.
    •Anti-green as it wastes computing power.
    •Profitable to originators.


Dehumanization & Other Psychological Impacts
    •Many feel loss of identity.
    •Many have increased productivity.
    •Many have created personalization through blogs & wikis.
    •May cause depression & loneliness due to isolation.
    •May damage social, moral & cognitive development of school-age children.


Impacts on Health & Safety
    •Job stress can occur with demand for increased productivity. Managers must provide training, redistribute workload & add employees.
    •Carpal Tunnel Syndrome may become increasingly common, but may be diminished with ergonomically well designed equipment.




น.ส. รชยา สุธีเชษฐ 5302110092

วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

[AI613-Weekly Journal] Week 12: Customer Relationship Management

Week 12: February 8, 2011

Customer Relationship Management & Knowledge Management System



Customer Relationship Management      Customer Relationship Management (CRM) เป็นการจัดการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยนำเทคโนโลยีและบุคลากรมาใช้ เพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า นำข้อมูลมาวิเคราะห์ และนำมาใช้ให้มีการรบริการที่ดีขึ้น 

ประโยชน์ของ CRM

     1. มีรายละเอียดข้อมูลของลูกค้าในด้านต่างๆ ได้แก่ Customer Profile Customer Behavior
     2. วางแผนทางด้านการตลาดและการขายอย่างเหมาะสม
     3. ใช้กลยุทธ์ในการตลาด และการขายได้อย่างรวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพตรงความต้องการของลูกค้า
     4. เพิ่มและรักษาส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจ
     5. ลดการทำงานที่ซับซ้อน ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน เพิ่มโอกาสในการแข่งขันก่อให้เกิดภาพพจน์ที่ดีต่อองค์การ

Softwareบริหารลูกค้าสัมพันธ์

1. ระบบขายอัตโนมัติ (Sale Force Aotomation: SFA) เป็นระบบรับคำสั่งขายจากลูกค้า ประกอบไปด้วย
     - ระบบการขายโดยผ่านโทรศัพท์ตอบรับ
     - ระบบ E-Commerce
     - ระบบงานสนามด้านการขาย 

2.  ระบบบริการลูกค้า เป็นระบบที่ใช้ในการติดต่อลูกค้า ในกรณีที่ลูกค้าเกิดปัญหาหรือข้อสงสัย เพื่อให้ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูล หรือให้ feedback ประกอบไปด้วย
     - ระบบการให้บริการด้านโทรศัพท์ตอบรับ (Interactive Voice Response:IVR)

3. Data Warehouse เป็นเครื่องมือจัดการข้อมูล ข้อมูลประกอบไปด้วยแหล่งที่มา 2 แหล่ง คือ
     - ระบบงานคอมพิวเตอร์ ที่เป็นงานประจำวัน เช่น Billing ลูกหนี้ ทะเบียนลูกค้า ประวัติรายการซื้อขาย ข้อมูลเดิมที่ไม่ในฐานข้อมูล
     - ข้อมูลภายนอก เช่น Web Telephone Directory

ประเภทของ CRM Application 

1. Customer-facing เป็นส่วนที่ต้องติดต่อกับลูกค้าโดยตรง เช่น Call Center,
2. Customer-touching โปรแกรมที่ให้ลูกค้าเป็นผู้สั่งการเอง
3. Customer-centric intelligence โปรแกรมที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการจัดการลูกค้าต่อไป
4. Online networking นิยมใช้เพราะฟรีและคนนิยมใช้พวกนี้มากขึ้น สามารถประชาสัมพันธ์สินค้าต่างๆ ถามตอบคำถามลูกค้าได้ ตอบรับ Feedback จากลูกค้า


Level & Types of e-CRM

- Foundational Service มีเว็บไซต์เฉยๆ อธิบายอย่างเดียว ไม่สามารถติดต่อได้
- Customer-centered service สามารถติดต่อกันระหว่างบริษัทและลูกค้าได้ ดดยใช้พื้นฐานการติดต่อผ่านทางอินเตอร์เน็ท
- Value-added Service สร้างบริการได้หลากหลายมากขึ้น เช่น online auctions, online training เป็นต้น
- Loyolty programs โปรแกรมสร้างเป็นสมาชิก เพื่อสร้างความภักดีในสินค้านั้นๆ

Tool for Customer Service

- Personalized web pages มีเว็บไซต์ของบริษัทเอง โดยที่ลูกค้าสามารถมาสั่งสินค้าได้ผ่านช่องทางนี้ - FAQ ลูกค้ามีความถามก้สามารถเข้ามาดูตรงนี้ก่อนได้ เป็นคำถามที่เจอบ่อย
- Email & automated response ส่งข้อมูลหรือข่าวสารใหม่ๆผ่านทางอีเมล์ ระบบตอบกลับทันทีสร้างความวางใจกับลูกค้า ให้รู้สึกว่าคำถามได้ถึงบริษัทแล้ว
- Chat room
- Live Chat
- Call centers


Knowledge Management Systems

          Knowledge Management Systems (KMS) คือการบริหารความรู้ นำฐานความรู้ที่มีมารวบรวมเป็นองค์ความรู้ นำมาเผยแพร่ให้ทั่วองค์กร แล้วนำมาพัฒนาองค์กรต่อไป

ประโยชน์
 
     - เข้าถึงแหล่งความรู้ในองค์กรได้ง่าย พนักงานที่มีประสบการณ์ทำงานน้อยสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วจากองค์ความรู้ที่มีอยู่ และสามารถต่อยอดความรู้ได้
     - ลดจำนวนการทำผิดซ้ำ
     - ความรู้ไม่สูญหายจากองค์กร ถ้าไม่มีการจัดการ เมื่อพนักงานออกจากองค์กรไป ความรู้ก็จะออกไปตามไปด้วย เพราะความรู้อยู่ในตัวพนักงานนนั้น
     - ยกระดับความสามารถขององค์กรให้เหนือคู่แข่ง


การสร้าง KM

     - สร้าง knowledge Base ขององกรค์เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่รวดเร็ว (learn faster) ต่อยอดความรู้ที่มีอยู่มุ่งสู่การสร้างนวัตกรรมและองกรค์ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติงานเพิ่ม value ให้ธุรกิจ
     - สร้าง knowledge network สำหรับพนักงานทุกคน สามารถ Access and Share ความรู้ได้อย่างทั่วถึง


ประเภทความรู้

1. Tacit ความรู้ฝังลึก เป็นความรู้ที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ยาก เช่น พรสวรรค์
2. Explicit ความรู้ชัดแจ้ง เป็นความรู้ที่สามารถอธิบายได้ แสดงให้เห็นชัด

การสร้างความรู้

     - Socialization เป็นการเรียนรู้จากตัวเองโดยตรง เช่น ผ่านทางหนังสือ การพูดคุยกับบุคคลภายนอก (ลูกค้า, supplier) ประสบการณ์โดยตรง
     - Externalization ทำให้จากความรู้ Tacit เป็น Explicit โดยการเขียนหนังสือ การพูดคุย เป็นต้น
     - Combination นำความรู้มารวบรวม Explicit จัดเป็นหมวดหมู่ เพื่อนำมาแบ่งปัน เอาไปใช้ได้
     - Internalization พัฒนาความรู้ให้ดีขึ้น สร้างฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น นำความรู้มาสร้างแนวทางการปฏิบัติ หรือการแก้ไขปัญหาที่ดีขึ้น

กระบวนการจัดการความรู้

     - การระบุถึงความรู้ (Knowledge Identification)
     - การจัดหาความรู้ (Knowledge Acquisition)
     - การพัฒนาความรู้ (Knowledge Development)
     - การแบ่งปัน/กระจายความรู้ (Knowledge Sharing/Distribution)
     - การใช้ความรู้ (Knowledge Utilization)
     - การเก็บ/จดความรู้ (Knowledge Retention)




น.ส. รชยา สุธีเชษฐ 5302110092 


วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

[AI613-Weekly Journal] Week 10: Enterprise System, Supply Chain Management, Enterprise Resource Planning

Week 10: February 1, 2011


Enterprise System, Supply Chain Management, Enterprise Resource Planning  


      โดยปกติทั่วไป Information System ถูกสร้างให้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน นำไปใช้ในแต่ละฝ่าย ซึ่งส่งผลให้ข้อมูลจากแต่ละฝ่ายเกิดความซ้ำซ้อน ไม่เชื่อมกัน เปลืองพื้นที่เก็บข้อมูล และ ยากต่อการที่จะนำข้อมูลที่ได้มาเชื่อมโยง และใช้การตัดสินเรื่องต่างๆ ลดประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจ และความสามารถในการสร้างกำไร 


Enterprise System


      เป็นระบบที่เ้ชื่อมกระบวนการหลักของธุรกิจ เพื่อให้ข้อมูลสามารถเชื่อมโยงกันทั่วองค์กร


ตัวอย่าง Enterprisewide System


- ERP เป็นระบบที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมข้อมูลจากทุกแผนกในองค์กร
- CRM ระบบที่ใช้จัดการเรื่องของลูกค้า
- Knowledge Management System (KM) เป็น IS ใช้ในการบริหารจัดการองค์ความรู้ภายในองค์กร จัดเ้ก็บความความรู้ในองค์กร
- Supply Chain Management (SCM) ระบบจัดการ Supply Chain ตั้งแต่ต้นสายจนปลายสาย
- Decision Support System(DSS) IS ที่ช่วยในการประกอบการตัดสินใจ โดยนำข้อมูลที่มีนำมาประมวลผล สร้างข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจ


ระบบสารสนเทศที่ใช้ใน Supply Chain Management


- Warehouse Management System (WMS) ใช้ในการจัดการโรงเก็บสินค้าคงคลัง
- Inventory Management System (IMS) ระบบที่ใช้ในการบริหารสินค้าคงเหลือ
- Fleet Management System ระบบจัดการการขนส่งสินค้า สามารถตรวจสอบได้ว่า สินค้าถูกนำไปส่งที่ไหนแล้วบ้าง จำนวนเท่าใด เหลือในรถขนส่งเท่าใด
- Vehicle Routing and Planing ระบบจัดการเส้นทางการขนส่ง ใช้ในการตัดสินใจเรื่องเส้นทางที่จะใช้ขนส่ง ว่าเส้นทางใดคุ้มค่า ประหยัดน้ำมันมากที่สุด 
- Vehicle Based System ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถขนส่ง


IT Trend for Supply Chain Management 


1. Connectity การติดต่อระหว่างกัน อุปกรณ์ที่ใช้เช่น Bluetooth, GPRS
 - 802.11n standard มาตรฐานระดับความเร็วของอินเตอร์เน็ทที่นำมาใช้ใน SCM
 - 802.11g  ระดับความเร็วของอินเตอร์เน็ทที่อาจจะนำมาใช้ในอนาคต เร็วกว่า 802.11n standard


2. Advanced Wireless : Voice & GPS เป็นการนำการสื่อสารด้วยเสียงและ GPS ที่เชื่อมกับคอมพิวเตอร์ มารวมกัน เพื่อสร้างความสะดวกยิ่งขึ้น

3. Speech Recognition การสั่งการด้วยเสียง


4. Digital Imaging การประมวลผลภาพดิจิตอล


5. Portable Printing การพิมพ์แบบเคลื่อนที่ สามารถเป็นเอกสารที่ใดและเมื่อไหร่ก็ได้ เช่น ใบเสร็จรับเงิน


6. 2D & other barcoding advance เป็นบาร์โค้ด 2 มิติ สามารถคียืข้อมูลได้สะดวกและทุกที่


7. RFID เครื่องมือฝังแม่เหล็ก ใช้คลื่นแม่เหล็กในการส่งข้อมูลเพื่อนำไปประมวลผลต่อไปได้


8. Real Time Lacation System (RTLS) ระบบแสดงตำแน่งในเวลาจริง สามารถใช้ตรวจสอบตำแหน่งปัจจุบัน ทำให้องค์กรสามารถติดตามสินทรัพย์ได้ทันที


9. Remote Management การจัดการทางไกล ใช้ระบบแลนไร้สายช่วยในการจัดการสินทรัพย์แม้อยู่ห่างไกลได้


10. Security ความปลอดภัยของอุปกรณ์และเครือข่ายไร้สาย


     Collaborative Planning การใช้ IS มาใช้ในองค์กร จำเป็นต้องมีการร่วมมือ แบ่งปันข้อมูลของแต่ละฝ่ายเข้าด้วยกัน แต่ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยาก สาเหตุที่ยากคือ เรื่องของความเชื่อใจกัน ข้อมูลรั่วไหล


ประโยชน์ของ SCM


- ช่วยให้สามารถจัดการสินค้าคงเหลือได้ดีขึ้น
- ลดความเสี่ยง และความไม่แน่นอน
- เพิ่มประสิทธิภาพ ในการให้บริการลูกค้า
- สร้างประสิทธิภาพและความได้เปรียบเชิงแข่งขัน


Enterprise System


     ระบบที่รวมข้อมูลของทั้งองค์กรและนำมาใช้ทั้งองค์กร ช่วยให้สามารถใช้ข้อมูลได้ทั่วองค์กร โดยมี ERP มาช่วย


ข้อดีและข้อเสียของ ERP


ข้อดี
     - เพิ่มประสิทธิภาพสามารถบริหาร และความสามารถในการทำกำไร
     - สร้างความสะดวกในการใช้ข้อมูล
ข้อเสีย
     - สร้างความวุ่นวายในการใช้งาน เพราะเมื่อนำ ERP มาใช้ ระบบเดิมที่อยู่ก็ยังคงใช้อยู่เช่นกัน
     - ราคาแพง


ตัวอย่างระบบ ERP : SAP, Oracle, PeopleSoft, etc.


Third-Party Modules


     ระบบที่เป็นฟังก์ชั่นเพิ่มเติม สามารถนำข้อมูลมาเชื่อมกับ ERP เพื่อใช้ในการบริหารงานด้านอื่นๆ เช่น CRM, CSS, SFA






น.ส. รชยา สุธีเชษฐ 5302110092

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

[AI613-Weekly Journal] Week 7: M-commerce

Week 7: December 21, 2010


M-commerce


         มือถือเป็นเทคโนโลยีอื่นชิ้นหนึ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน ด้วยขนาดที่เล็ก กะทัดรัด มือถือจึงติดตัวไปกับผู้คนตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ ปัจจุบัน มีการพัฒนา M-commerce คือการใช้บริการต่างๆผ่านทางมือถือ มากขึ้น 


เหตุผลที่พัฒนา M-Commerce


- Ubiquity มือถือเป็นที่แพร่หลาย ใช้กันอยู่ทั่วไป
- Convenience ใช้บริการผ่านมือถือสะดวกกว่า การไปที่ร้านจริง หรือหาคอมพิวเตอร์เพื่อใช้บริการ
- Instant Connectivity รวดเร็วในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายต่างๆ เช่น อินเตอร์เน็ท อินทราเน็ท
- Personalization มือถือถูกออกแบบมาเพื่อสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามใจชอบ
- Localization of products and service มือถือสามารถใช้ได้ทุกที เพราะมี GPS

ลักษณะ Driver ของ Mobile computing และ M-commerce

- Widespread availability of mobile devices มือถือใช้กันทั่วไป
- No need for a PC ไม่ต้องหาคอมพิวเตอร์ หรือใช้ PC ในการเปิดมือถือ ซึ่งต้องต้องเวลา แต่มือถือเปิดได้ทันที
- Headset Culture แนวโน้มวัฒนธรรม ผู้คนเริ่มใช้มือถือมากขึ้น ใช้บริการผ่านมือถือมากยิ่งขึ้น
- Declining prices, increased functionalities แนวโน้มมือถือ ราคาจะลดลง แต่ความสามารถมือถือมีมากยิ่งขึ้น
- Improvement of bandwidth เครือข่ายการเชื่อต่อผ่านมือถือ เช่น 3G, 3.5G มีการพัฒนาต่อไปมากขึ้น
 

โครงสร้างพื้นฐานของ Mobile Computing 
     - WAP (Wireless Application Protocal) เป็นมาตรฐานของการเชื่อต่อระหว่างความสามารถโทรศัพท์มือถือและเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในมือถือ
     - โปรแกรมภาษาที่ใช้ในการพัฒนา เช่น WML,XHTML
     - มือถือ Software ที่ใช้ในมือถือ เช่น JAVA ME 

     - Browsers ในมือถือที่ใช้ เช่น Windows Mobile, Android

               -> "HTML5" การใช้มือถือตามปกติจะต้องมีโปรแกรม เช่น Flash ซึ่ง โปรแกรมเหล่านี้จะต้องมีการ Download หากไม่มีโปรแกรม และต้องคอยอัพเดทตลอดเวลา แต่ HTML5 เป็นการใช้การ Coding (ใช้การเขียนเป็นภาษา coding) แทน ซึ่งไม่จำเป้นต้องคอยอัพเดท หรือ ดาวน์โหลดอีกหลายๆครั้ง

Mobile Computing Basic Terminology

     -> WiMax  คือ Wireless ระดับใหญ่ โดยใช้เสาต้นใหญ่ส่งสัญญาณ Wireless เพื่อให้ครอบคลุมในพื้นที่บริเวณกว้าง
     -> RFID มีบางประเทศที่มีการใช้ RFID ผ่านทางมือถือ เพื่อสามารถ Tracking ข้อมูลได้ง่ายเงิน
     -> Operating System (OS) ระบบปฏิบัติการในมือถือ เช่น Android OS, iPhone OS, Blackberry OS
            
M-Commerce Business Model

     •Usage fee model
     •Shopping Business Models เช่น การขาย content ต่างๆใน iTune ทั้ง เพลง ภาพยนตร์ หนังสือ application
     •Marketing business Models
     •Improved Efficiency Models
     •Advertising Business Models (Flat fees/Traffic-based fees)
     •Revenue-Sharing Business Models
ตัวอย่างของ M-Commerce
     <> M-Banking

          การทำธุรกรรมผ่านทางมือถือ เช่น การตรวจสอบยอดเงินในบัญชี การโอนเงิน เป็นต้น

     <> iTune
          ถือเป็นการสร้าง E-cro System ของบริษัท Apple โดยเว็บนี้ จะเป็นแหล่งรวบรวม content เช่น เพลง ภาพยนตร์ หนังสือ Application เพื่อให้ผู้ที่ใช้เทคโนโลยีของ Apple สามารถเข้ามาซื้อ content ต่างๆได้อย่างสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องไปร้านค้า สามารถค้นหาได้ง่าย ไม่มีความเสี่ยงเรื่องไวรัส รวมทั้ง ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งถือเป็นจุดได้เปรียบของ Apple ที่ทำให้เจ้าอื่นๆไม่สามารถสู้ได้ เพราะลูกค้ารับรู้ว่า เมื่อซื้อสินค้าของ Apple แล้ว ก็สามารถใช้บริการอื่นๆในเว็บนี้ได้อย่างสะดวกสบายต่อไป

     <> Location-Based Service and Commerce เช่น
          -> Foursqare เป็นประกาศบอกเพื่อนๆและคนที่รู้จักให้รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด โดยการ checkd-in มีประโยชน์ต่อการตลาด เช่น ร้านกาแฟให้ส่วนลดพิเศษแก่ลูกค้าที่ทำการ checkd-in บ่อยที่สุด เป็นต้น
          -> GPS ระบบที่บอกตำแหน่งที่ตนเองอยู่ และบอกเส้นทางในการเดินทาง
          -> บางร้านค้า หรืองานจัดแสดง นำระบบนี้มาใช้ เช่น เมื่อลูกค้าเข้ามาในร้านหรือภายในงาน ก็มีการส่งข้อความต้อนรับเข้ามือถือลูกค้า

     <> Mobile Youtube
          ระบบที่ทำให้มือถือสามารถเปิด youtube ได้

ข้อจำกัดของ M-commerce


Insufficient bandwidth เครือข่ายไม่กว้างพอ เทคโนโลยียังไม่พร้อม
Security standards
Power Consumption
Transmission Interferences
GPS Accuracy
Potential Health Hazards
Human Interface with Device
Small Screens
Reduced memory
Limited Bandwidth
Restricted input capabilities
Cost – it’s readily available; why pay for it?
Trust  ความน่าเชื่อถือว่าเทคโนโลยีจะใช้ได้จริง


รชยา สุธีเชษฐ 5302110092

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

[AI613-Weekly Journal] Week 6: E-Business and E-commerce

Week 6: December 14, 2010


         ปัจจุบันมีหลายธุรกิจที่เป็นลักษณะ E-business ซึ่งมีการนำระบบสารสนเทศ (IS) มาช่วยในการดำเนินธุรกิจ โดย E-business จะครอบคลุมเชื่อมโยงในทุกกระบวนการของธุรกิจ ตั้งแต่การซื้อขาย การการผลิต การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า จนกระทั่งการแลกเปลี่ยนต่างๆกับ Supply Chain ตัวอย่างของ E-business ในปัจจุบัน เช่น


     - Dell :มีการใช้ Internet ใช้ในการรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า ทาง dell.com รวมทั้งใช้ในการบริหารจัดการ  Supply Chain ซึ่งสามารถสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขันเป็นอย่างดี
     - Amazon : เวปไซต์ขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ท
     - E-Bay :เวปไซต์ที่ประมูลซื้อ-ขายสินค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ท




E-commerce Business Model


     - Affiliate Marketing คือการที่บริษัทนำลิงค์ไปวางที่เวปไซต์อื่นๆ เมื่อมีคนเข้ามาซื้อสินค้าโดยเข้ามาผ่านทางการกดจากลิงค์เว็บนั้นๆ เจ้าของเวปไซต์ก็จะได้ค่า commission ด้วย
     - Bartering online เว็บไซต์ที่เปิดให้มีการแลกเปลี่ยนกัน ทั้งข้อมูล ความคิดเห็น หรือสินค้าต่างๆ
เช่น craigslist.com
     - Online Advertiser คือการโฆษณาผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ เช่น Facebook
     - Application Programming Interface (API) การที่บริษัทแห่งหนึ่งผลิตโปรแกรมออกมา แล้วเปิดโอกาสให้อีกบริษัทสามารถพัฒนา software หรือโปรแกรมต่างๆมาใช้งานรวมกันได้ เช่น  YouTube, Google-map,i-phone
     - Social Commerce คือการโฆษณาผ่านทางผู้ที่เคยใช้สินค้าและใกล้ชิดกับลูกค้า เช่น ผู้เชี่ยวชาญ  เพื่อน ครอบครัว โดยใช้ประโยชน์จากการที่โดยทั่วไปคนมักจะซื้อสินค้าจากการแนะนำผู้ที่รู้จัก




ข้อดีและข้อจำกัดของ E-commerce


ข้อดี


     <ต่อองค์กร>
          - ช่วยในการประหยัดต้นทุน
          - ลดระยะเวลาในการดำเนินงาน
          - ขยายช่องทางจัดจำหน่าย,ฐานลูกค้า
          - สร้างความสะดวกในการเชื่อมโยงข้อมูล และนำข้อมูลมาใช้ในกา่รตัดสินใจ


     <ต่อสังคม>
          - ลดการใช้น้ำมันจากการเดินทาง เพราะไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่ร้านโดยตรง
          - ช่วยประหยัดเวลา สามารถทำอย่างอื่นแทน


     <ต่อลูกค้า>
          - สร้างความสะดวกให้กับลูกค้าในการซื้อขาย หรือติดต่อกับผู้ขาย
          - สามารถเลือกสินค้าได้ตามใจ ได้รับบริการที่รวดเร็ว


ข้อจำกัด


     <เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี>
          - โปรแกรมที่ทางบริษัทใช้ อาจมีลูกค้าบางคนใช้ด้วยไม่ได้
          - เทคโนโลยีมีการพัฒนาตลอดเวลา และอย่างรวดเร็ว


     <ไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี>
          - ความปลอดภัยของข้อมูล อาจเกิดการแฮคก์ข้อมูลส่วนตัวทำให้เกิคความเสียหายต่อผู้ใช้
          - ข้อกำหนดบังคับ หรือ ข้อกฎหมาย
          - ลูกค้าไม่มั่นใจในคุณภาพสินค้า หรืออาจเกิดการโกงได้




Is Major EC Mechanisms?


     - Electronic Catalog การทำแคตตาล็อกออนไลน์
     - E-Auction การเปิดประมูลผ่านอินเตอร์เน็ท
     - Bartering & Negotiations เวปไซต์ที่เปิดให้มีการแลกเปลี่ยนสินค้า
     - Electronic Storefronts การขายของทั้งผ่านทางเว็บไซต์ และมีร้านค้าจริง ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไวต์แล้วค่อยไปรับสินค้าที่ร้านได้
     - Electronic Mall ห้างเสมือนจริงในอินเตอร์เน็ท เป็นลักษณะ Virture สร้างตัวละครบนเว็บไซต์ โดยที่ตัวละครนี้สามารถเดินทางภายในเว็บไซต์ที่เสมือนสร้างห้างจริงๆในเว็บไซต์
     - Online Job Market ตลาดงานที่สามรถรับสมัครงานหรือหางานบนอินเตอร์
     - Travel Service สั่งจองหรือสั่งซื้อสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวบนอินเตอร์เน็ท เช่น ตั๋วร์เที่ยว ห้องพัก ตั๋วรถ
     - Real Estate Online การหาข้อมูล หรือซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ เช่น ตึก บ้าน บนอินเตอร์เน็ท
     - E-Government การทำรายการที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐบาลผ่านทางอินเตอร์เน็ท เช่นประมูลงาน, จ่ายภาษี, ประมูลทะเบียนรถ






น.ส. รชยา สุธีเชษฐ 5302110092


วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

[AI613-Weekly Journal] Week 5: Information Technology Economic

Week 5: December 7, 2010

         กฎ Moore's Law ได้แสดงถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีในอนาคต ซึ่งเขาได้คาดการณ์ไว้ว่า ความสามารถของชิพในคอมพิวเตอร์จะพัฒนาขึ้นทุกๆ 18-24 เดือนในต้นทุนคงที่ Price-to Performance ในอนาคตจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่า ราคาของเทคโนโลยีจะลดลงในขณะที่ความสามารถในการทำงานจะยิ่งสูงขึ้น

Productivity Paradox

         การนำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กรอาจทำให้เกิด Productivity Paradox คือการที่การการนำเทคโนโลยีมาใช้ในบริษัท แต่ประสิทธิภาพของผลงานที่ได้ (Productivity) กลับเติบโตช้า ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก

     - Productivity เฟรื เกิดผลช้า ต้องใช้ระยะเวลาในการวัดผลงาน
     - การลงทุนใน IT อาจเกิดจากดึงเอางบประมาณของฝ่ายอื่นมา เลยทำให้เกิดการขาดทุนในภาพรวม
     - ต้นทุนในการนำ IT มาใช้สูง
     - ประโยชน์ที่ได้จากการนำ IT มาใช้ อาจใช้เวลานาน
     - การนำ IT มาใช้จริง อาจได้ผลออกมาต่างจากที่คาดการณ์ไว้ ด้วยสาเหตุปัจจัยอื่นๆ เชื่อ ข้อกำหนดต่างๆ หรือเหตุผลอื่นๆ

         ผลกระทบที่เกิดจากการลงทันด้าน IT มีทั้งผลกระทบโดยตรง (direct impact) เช่น การลดต้นทุน และผลกระทบทางอ้อม (second-order impact) เช่น ความได้เปรียบเชิงแข่งขัน ซึ่งหมายความว่า การลงทุนใน IT อาจจะไม่ใช่ว่าจะช่วยเพิ่มประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เช่น รายได้ กำไร เพียงอย่างเดียว แต่อาจจะส่งผลในเรื่องของประสิทธิภาพในด้านการดำเนินงานขององค์กรแทนเช่น การผลิตที่รวดเร็วขึ้น การทำตลาดได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เป็นต้น

Evaluating IT Investments

         ก่อนที่องค์กรจะลงทุนใน IT ต้องดูเหตุผลก่อนว่า มีความจำเป็นหรือไม่ ผลที่ได้จากการลงทุนคุ้มค่าหรือไม่ มีงบประมาณเท่าใดในการลงทุน IT ซึ่งเมื่อลงทุนใน IT แล้ว ควรมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ

ขั้นตอนการตัดสินใจลงทุน IT

     - Lay an appropriate foundation for analysis, and then conduct your ROI.
     - Conduct a good research on metrics & validate them.
     - Justify, clarify, and document the costs and benefits assumptions.
     - Document and verify all figures used in the calculation and include risk analysis.
     - Is the project really bolstering the company's competitive and strategic advantage?
     - Not to underestimate costs and overestimate benefits
     - Commit all partners, including vendors and top management.

ความยากในการประเมินผล

     - ไม่รู้ว่าจะวัดอะไรดี
     - ระยะเวลาในการวัดผล อาจต้องใช้ระยะเวลานาน
     - ยากที่จะหาความสัมพันธ์ระหว่างการลงทุนใน IT และผลลัพธ์ที่ได้ในมุมของภาพรวมองค์กร
     - วัดออกมาเปิดตัวเิงินยาก
     - ไม่สามารถวัดออกมาเป็นผลเชิงคุณภาพ

แนวทางในการวัดผลประโยชน์ที่ไม่เป็นตัวเงิน (Intangible Benefits)

     - ประมาณการผลประโยชน์ที่ได้ให้เป็นตัวเงินอย่างคร่าวๆ
     - ดูว่าเกี่ยวกับกลยุทธ์อย่างไร มีประโยชน์ทางการเงินอย่างไร
     - มองเฉพาะผลประโยชน์ที่ได้ในระยะสั้นก่อนแลัวค่อยมองผลประโยชน์ระยะยาวต่อไป
     - คอยดูผลประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนใน IT และโอกาสที่จะพัฒนา IT ต่อไป

ต้นทุนที่เกิดจากการลงทุน IT

     - Fixed cost ประกอบไปด้วย
           > Infrastructure cost ต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานของ IT
           > Service Cost ต้นทุนจากการรับบริการ
     - Transaction Cost
           > Search ต้นทุนในการหาผู้ที่สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่เฉพาะได้
           > Information ต้นทุนที่เกี่ยวกับการตรวจสอบข้อบังคับ เงื่อนไขเรื่องการเงิน และลักษณะความต้องการขององค์กร
           > Negotiation ต้นทุนเกี่ยวกับการเจรจาต่อรอง
           > Decision ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการประเมินผู้ซื้อ และกระบวนการภายในของผู้ซื้อ เช่น การอนุมัติการขาย
           > Monitoring ต้นทุนที่เกี่ยวกับการควบคุมการส่งสินค้าและบริการที่ได้รับ

รายได้ที่ได้จาก IT&Web

     - Sales รายได้ที่เกิดจากการขายสินค้าหรือให้บริการทางออนไลน์
     - Transaction fees รายได้จากการให้บริการรายครั้งการให้บริการ
     - Subscription fees รายได้การการให้ลูกค้าบริการเป็นรายเดือน เช่น ให้บริการหน้าเว็บขายของ
     - Advertising fees รายได้จากการโฆษณา
     - Affiliate fees

วิธีการตัดสินใจการลงทุนใน IT

              หลักการสำคัญในการตัดสินใจลงทุนใน IT คือ Cost-Benefit Analysis คือ การเปรียบเทียบระหว่าง ต้นทุนที่เกิดขึ้น (Cost) และ ประโยชน์ที่ได้ (Benefit) ว่าคุ้มค่าหรือไม่ โดย Cost ประกอบไปด้วย ต้นทุนการพัฒนา, ต้นทุนการติดตั้ง IT, และต้นทุนการทำให้ IT ทำงานได้ และ Benefit ประกอบไปด้วย Direct benefits, Assessable indirect benefits, Intangible benefits เทคนิคท่นำมาช่วยในการตัดสินใจมีดังนี้

      <> Projects & Cash Flow Project เป็นการประมาณการกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้ในอนาคต โดยใช้เครื่องมือกับการเงิน อย่าง NPV, Payback period, ROI, Net Profit, IRR

      <> TCO คือ การพิจารณาต้นทุนและผลประโยชน์ที่จะได้ หรือ Total cost and benefit of ownership

      <> Balanced scored method เป็นการพิจารณาผลกระทบทั้ง 4 ด้ายคือ ด้านการเงิน ด้านลูกค้า ด้านกระบวนการภายใน และด้านการเรียนรู้และการเติบโตขององค์กร


Where costs of IT investment go?

     - Overhead: ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ที่จะถูกปันไปในแผนกต่างๆ
     - Charge back: เพิ่มราคาการให้บริการแก่ลูกค้าเพื่อนำรายได้มาชดเชยแทน
 
Major Managerial Issues

     - เทคโนโลยีมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา
     - ผลประโยชน์อาจเปลี่ยนจากสามารถจับต้องได้ กลายเป็นจับต้องไม่ได้
     - ไม่มีอะไรแน่นอน ต้องมีการวัดผลอยู่เสมอ
     - การกำหนดค่าใช้จ่ายที่จะนำไปคิดกับลูกค้า
     - โอกาสความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
     - วิธีการวัดมูลค่าการลงทุนใน IT
     - ผู้ที่ทำการตัดสินใจในการลงทุน IT



นส. รชยา สุธีเชษฐ 5302110092

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

[AI613-Weekly Journal] Week 4: -Outsourcing- & -Acquiring and Developing Business Applications and Infrastructure-

Week 4: November 30, 2010

Outsourcing IT

ข้อดี
     - เพื่อให้บริษัทสามารถเน้นทำงานหลักได้มากขึ้น
     - ช่วยลดต้นทุนได้มากกว่าการทำ้เอง
     - มีคุณภาพมากกกว่าทำเอง เพราะบริษัทมีความเชี่ยวชาญน้อยกว่า
     - เพื่อความเร็วในการเข้าสู่ตลาด
     - บริษัทอื่นมีนวัตกรรมที่ใหม่กว่า

ต้นทุนที่เกิดขึ้นในการ Outsourcing
     - ค่าวิเคราะห์, เปรียบเทียบ
     - ค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสาร
     - การส่งผ่านความรู้
     - การจัดการเรื่องทักษะของบุคลากร
     - ค่าใช้จ่ายในการส่งกลับ ในกรณีที่เกิดปัญหา

การวางกลยุทธ์จัดการความเสี่ยงในการ Outsourcing
     - เข้าใจในโครงการอย่างชัดแจ้ง เพื่อให้ทราบว่าสิ่งที่ต้องการจริงๆคืออะไร
     - ถ้าเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ สามารถแบ่งทำเป็นทีละส่วนไป
     - สร้างแรงจูงใจ หรือให้รางวัลกับผู้ที่ทำงาน
     - เขียนสัญญาระยะสั้น เพื่อเป็นการบังคับให้เกิดการทำจริง
     - หากบริษัทที่รับ Outsourcing ไปจ้่าง Outsourcing อีกทีนั้น ก็มีการร่วมเข้าไปควบคุมอีกที
     - เลือก Outsourcing ใน่วนที่ไม่ใช่แก่นของธุรกิจ

ความเสี่ยงที่เกิดจากการ Outsourcing
     - การ Outsourcing ไม่ได้สามารถช่วยในการลดต้นทุนจริง
     - ข้อมูลสามารถรั่วไหลออกไปได้
     - กระบวนการในส่วนที่นำไป Outsourcing บริษัทไม่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้อีก
     - ผู้รับ Outsourcing เข้ามารับรู้กระบวนการทำงานใบริษัท
     - ผู้รับ Outsourcing ทำงานผิดพลาด
     - เกิดความต้องการมากกว่าที่เคยได้ตกลงกันไว้

งานที่ไม่ควร Outsourcing
     - งานที่ไม่ได้เกิดประจำวัน
     - งานที่อาจทำให้สุญเสียการควบคุมในกรดำเนินงานมากเกินไป
     - งานที่มีความเสี่ยงสูงที่ข้อมูลจะัไหลออกจากบริษัท
     - งานที่มีต้องใช้ความรู้เชื่ยวชาญ และความรู้ด้าน IT

ปัจจัยที่ใช้ในการตัดสินเลือกระหว่าง Outsourcing IT VS Insourcing IT
     1. ขนาดของบริษัท หากบริษัทมีขนาดใหญ่พอที่จะหาพนักงานที่มีทักษะก็ไม่ควรจะทำการ Outsourcing
     2. ต้นทุนที่เกิดระหว่าง Outsourcing VS Insourcing
     3. ระดับความสนใจของผู้บริหารระดับสูง หากมีความสนใจใน IT สามารถดูเลงเองได้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้อง Outsourcing
     4. สภาพทางการเงินของบริษัท

Acquiring and Developing Business Applications and Infrastructure

ขั้นตอนการจัดหา IT Application

Step 1: Planing, identifying, and justifying IT Based systems
           วางแผนระบบพื้นฐาน IT ภายในระบบให้ชัดเจน เป็นขั้นตอนที่ต้องทำด้วยเองเท่านั้น

Step 2: Creating an IT architecture 
           สร้างโครงสร้างพื้นฐานภายในบริษัทในการนำนำระบบ IT มาใช้จริง
          
Step 3: Selecting an acquisition option
           เลือกวิธีการจัดหา เช่น การซื้อ การเช่า เป็นต้น

Step 4: Testing, installing, integrating and deploying IT applications
           ติดตั้ง และทดลองใช้ระบบ

Step 5: Operations, maintenance and updating
            นำระบบใช้จริง ดูแลรักษา และปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ



น.ส. รชยา สุธีเชษฐ 5302110092